รวมกระแสพระราชดำรัส

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๓๐

พิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๓๐ ครั้งที่ ๑๙ ณ หอประชุมมนังคสิลา กรุงเทพมหานคร             “ข้าพเจ้าสนใจและติดตามการทำงานของสภาสตรีแห่งชาติฯ มาเป็นเวลานานแล้ว รู้สีกยินดีที่เรามีศูนย์รวมของสตรีผู้ทำงานเพื่อชาติ เป็นโอกาสให้แต่ละองค์กรได้มาพบปะปรึกษาหารือกัน เพื่อจะได้วางแนวทางในการปฏิบัตืงานให้สอดคล้องต้องกัน ช่วยเหลือและส่งเสริมซึ่งกันและกัน อันจะทำให้เกิดผลประโยชน์เป็นทวีคูณแก่ส่วนรวม
            อีกอย่างหนึ่งก็คือ มักมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่า สตรีรวมตัวกันทำงานได้ยากกว่าบุรุษ ข้าพเจ้าจึงอยากให้สภาสตรีแห่งชาติฯ เป็นตัวอย่างอันดีที่จะแก้ไขความเชื่อนี้ โดยยึดเอาเนื้อแท้แห่งคุณลักษณะของสตรีไทยนั่นเอง มาเป็นเครื่องป้องกันและแก้ไขปัญหา สิ่งนั้นคือความนุ่มนวล อ่อนโยน ความอดทน อดกลั้น และในบางเวลาก็คือ ความเข้มแข็ง เฉียบขาด เยี่ยงเดียวกับบุพการีของเราในประวัติศาสตร์
            ในโอกาสที่ผู้แทนองค์กรสตรีต่างๆ มาร่วมประชุมกันเป็นจำนวนมากในวันนี้ ข้าพเจ้าขออวยพรให้ท่านทั้งหลาย และสมาชิกขององค์กรทุกองค์กร มีสุขภาพร่างกายอันแข็งแรงสมบูรณ์พร้อมที่จะปฏิบัติงานเพื่อประเทศชาติ และขอให้ทุกท่านเจริญก้าวหน้า ในหน้าที่การงานส่วนตน ตลอดจนประสบความสุข ความสำเร็จในชีวิตครอบครัว เพื่อจะได้มีจิตใจอันผ่องแผ้ว และมีกำลังใจยึดมั่นในปณิธานที่จะเสียสละเพื่อส่วนรวมตลอดไป”

๒๒ พฤษภาคม ๒๕๓๒

พิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ๒๕๓๐ ครั้งที่ ๒๐ ณ หอประชุมมนังคสิลา กรุงเทพมหานคร              “ปัจจุบันนี้ประเทศของเรามีประชากรเพิ่มขึ้นมาก ซึ่งสตรีไทยก็เป็นประชากรครึ่งหนึ่ง ของประเทศ เราจึงควรมาช่วยกันคิดว่า สตรีไทยสามารถทำสิ่งใดให้แก่ประเทศชาติได้อีกบ้างนอกเหนือจากคุณประโยชน์ต่างๆ ที่ได้เคยบำเพ็ญมาแล้ว
            ข้าพเจ้าเองอยากจะฝากข้อคิดว่า แผ่นดินไทยของเรานี้ล้วนอุดมสมบูรณ์ แม้บางส่วนจะกันดารไปบ้าง แต่ก็ยังนับว่าดีกว่าแผ่นดินของบางประเทศที่ต้องพัฒนามาจากทะเลทรายเป็นต้น ซึ่งต้องใช้ความอุตสาหะอย่างยิ่งยวด สำหรับเรานั้นเพียงแต่ช่วยกันถนอมรักษา ไว้ให้ดีแผ่นดินไทยก็จะยังคงเป็นของคนไทยตลอดไป ในเวลาที่ข้าพเจ้าออกไปทำงานต่างจังหวัดนั้น ข้าพเจ้าได้พบด้วยความภาคภูมิใจว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยมีที่ทำกินเป็นของตนเอง หรือมิฉะนั้น ก็ยังมีที่ดินของตนเองพอปลูกบ้านอาศัย แต่ในภาวะเศรษฐกิจเช่นทุกวันนี้ มีสิ่งจูงใจหลายประการให้ประชาชนขายที่ดินของตน ซึ่งข้าพเจ้าเป็นห่วงว่า เมื่อขายแล้วเขาจะไป อยู่ที่ไหน และการจะกลับมาเป็นเจ้าของที่ดินสักผืน ย่อมเป็นการยากยิ่งกว่ารักษาได้เสียอีก
             สตรีไทยนั้นโดยทั่วไปก็มีหน้าที่รักษาบ้านอยู่แล้ว หากจะให้ช่วยรักษาที่ดินไว้ ด้วย ก็คงมิใช่เรื่องเหลือความสามารถ ดังนั้น จึงขอฝากให้ผู้แทนองค์กรสตรีต่างๆที่มาร่วมประชุมกันในวันนี้ ช่วยนำไปพิจารณาคิดหาวิธีการที่จะให้สตรีไทยได้ร่วมกันรักษาแผ่นดิน ไทยไว้ให้คนไทยด้วย..”

๒๙ พฤษภาคม ๒๕๓๗

พิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ ๒๓ ณ ห้องคอนแวนชั่น โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ กรุงเทพมหานคร             “ปีนี้รัฐบาลกำหนดให้เป็นปีแห่งการรณรงค์เพื่อวัฒนธรรมไทย เพื่อปลูกฝังให้คนไทย ตระหนักในคุณค่าของวัฒนธรรมไทย ซึ่งได้สืบทอดกันมาแต่บรรพกาล ข้าพเจ้าจึงขอให้สภาสตรีแห่งชาติฯ ซึ่งเป็นศูนย์รวมขององค์กรสตรีผู้ที่ทำประโยชน์เพื่อชาติ พยายามส่งเสริมให้ สตรีไทยซึ่งโดยปกติเป็นผู้มีหน้าที่อบรมบ่มนิสัยเยาวชนไทยอยู่แล้ว ได้เป็นกำลังสำคัญของชาติในการถ่ายทอดวัฒนธรรมไทย โน้มน้าวชักจูงลูกหลายไทยให้นิยม ยกย่องวัฒนธรรมไทย ตลอดจนช่วยกันทะนุบำรุงให้เจริญรุ่งเรืองจนเป็นที่ประจักษ์แก่ชาวต่างชาติสืบไป
            ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดีกับคณะกรรมการอำนวยการชุดใหม่ที่จะมีการเลือกตั้งกันในวาระนี้ และขออวยพรให้คณะกรรมการทั้งสมาชิกทุกท่านมีกำลังกาย กำลังใจที่จะปฏิบัติงานได้อย่างเข้มแข็ง ขอให้งานสภาสตรีแห่งชาติฯ สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีทุกประการ กับขอให้ทุกท่าน มีความสุขความเจริญทั้งในหน้าที่การงานและชีวิตครอบครัวโดยทั่วกัน”

๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๖

พิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ ๒๙ ณ โรงแรมปรินซ์พาเลซ มหานาค กรุงเทพมหานคร              “ประเทศชาติที่ร่มเย็นเป็นสุข จะต้องมีพื้นฐานมาจากชนในชาติที่มีความเมตตา เอื้ออารีต่อกัน และความมีน้ำใจนี้ควรเริ่มปลูกฝังตั้งแต่ยังเยาว์วัย พ่อแม่คือคนสำคัญที่สุดที่จะเป็นตัวอย่างในการทำความดี และปลูกฝังศีลธรรมให้เจริญงอกงามขึ้นในจิตใจ ของลูก
             นี่คืองานสำคัญยิ่งที่ข้าพเจ้าขอฝากผ่านสภาสตรีแห่งชาติฯ ไปยังสตรีไทยทั้งมวล คือ การอบรมลูกหลานไทยให้เป็นคนดี มีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ เพราะถ้าประชาชนตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมก็จะบังเกิดความสงบสุข และปลอดภัย ประเทศชาติก็จะเจริญมั่นคงอย่างถาวร
             ขออวยพรให้การประชุมใหญ่ครั้งนี้ จงสำเร็จลุล่วงดังวัตถุประสงค์ และขอให้คณะกรรม การรวมทั้งผู้แทนจากองค์กรสตรีทุกองค์กรมีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุปัทวันตรายใดๆ มีความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน มีความสุขในชีวิตครอบครัวโดยทั่วกัน”

๑ สิงหาคม ๒๕๔๖

พิธีเปิดงานโครงการรวมพลังงานสตรีไทย เทิดไท้องค์ราชินี และพระราชทาน วันสตรีไทย ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร กรุงเทพมหานคร              “สตรีไทยในยุคปัจจุบันมีความคิดที่ก้าวหน้าและทันสมัยมากขึ้น จึงมีส่วนร่วมอย่าง สำคัญในการพัฒนาประเทศ การสั่งสมภูมิปัญญาของสตรีไทย ที่สืบเนื่องกันมานับแต่โบราณกาลจวบจนปัจจุบันได้ก่อให้เกิดเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันเป็นความภาคภูมิใจยิ่งของชาวไทย และการที่จะธำรงความภาคภูมิใจนี้ไว้ให้ยั่งยืน ย่อมเป็นหน้าที่ของสตรีไทยทุกคนที่จะต้องช่วยกันรักษาและเชิดชูเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของชาติ ตลอดจนภูมิปัญญาท้องถิ่นให้สืบ ทอดไปยังอนุชนรุ่นต่อไปโดยไม่ขาดสาย
             เนื่องในโอกาสวันนี้เป็นวันสตรีไทย ข้าพเจ้าจึงขอฝากความคิดเห็นว่าสตรีไทยมีหน้า ที่สำคัญเบื้องต้น ๔ ประการ คือ
             ประการแรก พึงทำหน้าที่ “แม่” ให้สมบูรณ์ โดยทำให้ครอบครัวบังเกิดความรักและ ความอบอุ่น มีความเข้าใจและไว้วางใจซึ่งกันและกัน แม่ควรเป็นที่ยึดมั่นของลูก เมื่อลูกเกิดปัญหาก็ช่วยแก้ไขด้วยความเมตตา และสอนให้รู้จักดำเนินชีวิตในทางที่ถูกต้องที่ควร ถ้าสตรีไทยทำเช่นนี้ได้ เด็กไทยก็จะเติบโตเป็นพลเมืองดีและช่วยป้องกันปัญหาร้ายแรงต่างๆในสังคมได้
             ประการที่สอง พึงทำหน้าที่ของ “แม่บ้าน” ให้ดี โดยทำให้บ้านมีความน่าอยู่ เป็นที่พักพิงอันอบอุ่นของสมาชิกในครอบครัว ช่วยเก็บออมและเพิ่มพูนทรัพย์สินให้ครอบครัว รวมทั้งให้ความช่วยเหลือแก่คนรอบข้างตามสมควร
             ประการที่สาม พึง “รักษาเอกลักษณ์ของความเป็นสตรีไทย” ผู้มีความนุ่มนวล อ่อนโยน สุภาพ เมตตา และยิ้มแย้มแจ่มใส รวมทั้งธำรงรักษาศิลปวัฒนธรรมไทยอันละเอียด ประณีต ให้เป็นที่ชื่นชมของนานาชาติตลอดไป
             ประการที่สี่ พึง “ฝึกฝนตนเอง” ให้มีความรู้ความสามารถยิ่งขึ้น ขยัน และอดทน มีความประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย และรักษาความสามัคคีในหมู่คณะไว้ให้มั่นคง
             หากสตรีไทยทุกคนตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ ทั้ง ๔ ประการ นี้ได้ ก็จะส่งผลให้ครอบครัว ไทย สังคมไทย และประเทศชาติมีความสุขความเจริญ นำไปสู่การพัฒนาด้านอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง และสตรีไทยจักเป็นที่ยกย่องชื่นชมของสังคมโลกตลอดไป”

๒๙ มิถุนายน ๒๕๔๙

พิธีเปิดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ ๓๑ ณ โรงแรมเดอะแกรนด์ ถ.รัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร              “นับแต่โบราณกาลมาแล้ว ที่สตรีไทยดำรงไว้ซึ่งคุณสมบัติอันสำคัญ คือ ความนุ่มนวล อ่อนโยน และความเมตตากรุณา แต่บัดนี้ทัศนคติของสตรีไทยบางกลุ่มกำลังเปลี่ยนไปอย่างน่าตกใจ กลายเป็นนิยมใช้ความรุนแรงเข้ามาตัดสินปัญหา บางครั้งถึงกับข่มเหง รังแกสตรีด้วยกัน ดังเช่น กรณีที่นักเรียนสตรีหลายโรงเรียนทุบตีทำร้ายกันด้วยสาเหตุเพียงเล็กน้อย เป็นต้น แท้ที่จริงความรุนแรงมิใช่วิธีการแก้ปัญหา มีแต่จะยิ่งทำให้ ปัญหาบานปลายจนยากจะแก้ไข อีกทั้งมิใช่การแสดงออกถึงความกล้าหาญของสตรี เหมือนดังสตรีไทยในอดีตได้เคยแสดงความกล้าหาญไว้ให้ประจักษ์มาแล้ว ยามที่บ้านเมืองมีภยันอันตราย เช่น สมเด็จพระสุริโยทัย ท้าวเทพสตรี ท้าวศรีสุนทร และท้าวสุรนารี ซึ่งถ้าผู้ใดได้เรียนประวัติศาสตร์ไทยมา ก็คงซาบวึ้งถึงวีรกรรมของท่านเหล่านี้ดี ถ้าสตรีไทยยุคใหม่นี้มีพลัง มากพอ ก็ควรนำพลังนั้นไปใช้เพื่อประเทศชาติ และบำเพ็ญคุณความดีเยี่ยงวีรสตรีสมัยโบราณ กล่าวคือ ไม่เพิกเฉยในคราวที่ประเทศชาติมีอันตรายหรือเห็นความอยุติธรรมเกิดแก่เพื่อนร่วม ชาติ ดังในจังหวัดนราธิวาสที่ครูกอบกุล รัญเสวะ ถูกยิงตายขณะเดินทางกลับไปป้อนข้าวแม่ หรือครูจูหลิง ปงกันมูล ผู้อุทิศตนมาสอนเด็กในพื้นที่เสี่ยงภัย แต่กลับ ถูกรุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัสแทบเอาชีวิตไม่รอด
             ข้าพเจ้าหวังว่าสภาตรีแห่งชาติฯ ซึ่งเป็นของผู้นำของสตรีทั่วประเทศ จะเป็นกำลังใจให้ สตรีไทยร่วมกันแสดงพลังเพื่อให้ความมั่นใจกับเพื่อนร่วมชาติว่า คนไทยจะไม่มีวันทอดทิ้งกันเป็นอันขาด ขอให้การดำเนินงานของสภาสตรีแห่งชาติฯ บรรลุความสำเร็จดังวัตถประสงค์ และขออวยพรให้คณะกรรมการตลอดจนสมาชิกทุกคนประสบแต่ความสุขความเจริญจงตลอดไป”

หมายเหตุ
พระราชดำรัสของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่นำมาลงนี้ เป็นส่วนหนึ่งของพระราชดำรัสทั้งหมดเท่านั้น ซึ่งคณะผู้จัดทำได้คัดเลือกนำลงเป็นแนวทางการปฏิบัติสืบไป