๑,๐๑๖. สมาคมสตรีอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ เยี่ยมให้กำลังใจ และสอนการเคลื่อนไหวให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและครอบครัว ตามโครงการ “ความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง” ในพื้นที่อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์

วันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๖๕ นางธิดา ชูโชตินายกสมาคมอาเซียนกาฬสินธุ์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ และอุปนายกฯ คุณนันทพร ศรีวรารักษ์ พร้อมด้วย ดร.นิภา อาจาริยาภิบาล คุณรมิดา เลิศเจตนารมย์ นางญาณิศา มั่งสุวรรณ นางณฑนา สุภัควนิช เยี่ยมให้กำลังใจ และสอนการเคลื่อนไหวให้ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองและครอบครัว จำนวน ๒ ราย ที่อำเภอเขาวง จังหวัดกาฬสินธุ์ โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้ป่วยและญาติมีกำลังใจในการรักษาดูแลสุขภาพของผู้ป่วย เพื่อให้กลับมาใช้ชีวิตอย่างเป็นปกติในการดำรงชีวิตต่อไป

ฝ่ายประชาสัมพันธ์สภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖

๑,๐๑๕. สภาสตรีแห่งชาติฯ สูญเสียบุคคลสำคัญ "ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช" ประธานสภาสตรีแห่งชาติแห่งชาติฯ สมัยที่ ๑๐ (พ.ศ.๒๕๒๐-๒๕๒๒) โดยสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ที่ศาลาพีชานนท์ วัดธาตุทอง

วันนี้ ( ๑๐ เมษายน ๒๕๖๓) เวลา ๑๘.๓๐ น. ดร.วันดี กุญชรยาคงจุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๖ (พ.ศ. ๒๕๖๑- ๒๕๖๕) นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย และ นางสาวสุกัญญา ประจวบเหมาะ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๗ ( พ.ศ. ๒๕๖๕- ๒๕๖๘) พร้อมด้วยที่ปรึกษาสภาสตรีแห่งชาติฯซี่งเป็นอดีตประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ นางยุวดี นิ่มสมบุญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๐ (พ.ศ.๒๕๔๓-๒๕๔๖) นางสุพัฒนา อาทรไผท ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๔ (พ.ศ.๒๕๕๕-๒๕๕๘) นำคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร พร้อมด้วยองค์กรสมาชิก ร่วมเป็นเจ้าภาพสวดพระอภิธรรม ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช ประธานสภาสตรีแห่งชาติแห่งชาติฯ สมัยที่ ๑๐ (พ.ศ.๒๕๒๐-๒๕๒๒) ณ ศาลาพีชานนท์ (ศาลา ๒ ) วัดธาตุทอง แขวงพระโขนงเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร
ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช ถึงแก่กรรมในวัย ๙๐ ปี เมื่อวันที่ ๔ เมษายน ๒๕๖๕ ครอบครัวจัดสวดพระอภิธรรม ที่ศาลาพีชานนท์ วัดธาตุทอง จนถึงวันจันทร์ที่ ๑๑ เมษายน ๒๕๖๕ และบรรจุ
(สำหรับกำหนดการพระราชทานเพลิงเจ้าภาพจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป)

ท่านผู้หญิงสุมาลี จาติกวณิช (สกุลเดิม ยุกตะเสวี) เกิดเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๗๔) เป็นประธานกิตติมศักดิ์มูลนิธิราชประชาสมาศัยในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นรองประธานกรรมการมูลนิธิสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และเป็นประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๑๐ (พ.ศ.๒๕๒๐-๒๕๒๒

สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย และสอบคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความสนใจภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก ทำให้เป็นผู้ที่แตกฉานทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เยาว์วัย

ตลอดชีวิตที่ผ่านมา เป็นผู้บุกเบิกและสร้างตำนานบทบาทสตรีไทยในเวทีโลกและสังคมไทย ทั้งยังทำงานเพื่อการกุศล ช่วยงานมูลนิธิต่างๆ มาโดยตลอด ซึ่งได้ดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ ในองค์กรภาครัฐและเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เช่น ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กรรมการบริหารมูลนิธิสายใจไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และประธานสมาคมสตรีภาคพื้นแปซิฟิกและเอเชียอาคเนย์
ด้านชีวิตครอบครัว สมรสกับศาสตราจารย์ นายแพทย์กษาน จาติกวณิช มีลูกสาว ๑ คนคือ คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา


ฝ่ายประชาสัมพันธ์สภาสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖

๑,๐๑๔. สามองค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในจังหวัดอุดรธานี จับมือ ชิมกาแฟ ร้าน Cafe de Penya ส่งเสริมการท่องเที่ยว เมืองอุดรธานี ตามโครงการ "เพื่อนช่วยเพื่อน"

วันที่ ๓๑ มีนาคม ๒๕๖๕ นางดาวศิริ อยู่ประเสริฐ ที่ปรึกษา ๓ องค์กร รศ.ดร.กฤตติกา แสนโภชน์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ จังหวัดอุดรธานี นางกอบแก้ว คงน้อย นายกสมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี พญ.เฉลิมวรรณ ศศิประภา นายกสมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย อุดรธานี พร้อมคณะกรรมการและสมาชิก ๓ องค์กร ร่วมเยี่ยมและชิมกาแฟร้านกาแฟร้าน Cafe de Penya เพื่อให้กำลังใจ และประชาสัมพัฯธ์ ร้านกาแฟของนางเพ็ญปรียา ประสันนาการ กรรมการ ๓ องค์กรสมาชิกสาสตรีแห่งชาติฯ ในโครงการ"เพื่อนช่วยเพื่อน" ที่นางเพ็ญปรียา ประสันนาการเปิดร้านกาแฟ โดยมีนายแพทย์สมิต ประสันนาการ สามี ดูแลให้ต้อนรับอย่างเป็นกันเอง ณ Cafe de Penya ใกล้คลินิกหมอสมิต ถนนพรหมประกาย ทางไปสนามบินนานาชาติอุดรธานี



ฝ่ายประชาสัมพันธ์สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ สมัยที่ ๒๖

๑,๐๑๓. ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ จัดประชุมใหญ่สามัญ ชูผลงานกว่า ๑,๐๐๐ กิจกรรม ขอบคุณที่ปรึกษาและขอบคุณความร่วมมือร่วมใจจากองค์กรสมาชิก จำนวน ๒๑๕ องค์กร ทั่วประเทศ และแสดงความยินดี กับประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ สมัยที่ ๒๗ คนใหม่

วันพฤหัสบดีที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ น.ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีสมาคมแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๖ (พ.ศ ๒๕๖๑ - ๒๕๖๕ ) เป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ ๔๒ ประจำปี ๒๕๖๕ โดยผู้เข้าร่วมประชุมทุกท่าน ร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๖ อัญเชิญกระแสพระราชดำรัสสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง องค์อุปถัมภิกาสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ก่อนการเริ่มประชุม ซึ่งผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย ที่ปรึกษาและอดีตประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ดร.เรือนแก้ว กุยยกานนท์ แบรนด์ท นางยุวดี นิ่มสมบุญ นางเยาวเรศ ชินวัตร พร้อมด้วยคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร และองค์กรสมาชิก จำนวน ๒๑๕ องค์กร อาทิ สมาคมสตรีไทยแห่งประเทศไทยฯ สมาคมสโมสรวัฒนธรรมหญิง สมาคมสตรีเพื่อสตรี สายปัญญาสมาคม สมาคมแม่บ้านอาสาสมัครแห่งประเทศไทย สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทย สมุทรปราการ สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิงจังหวัดอุดรธานี สมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนไทยจังหวัดบุรีรัมย์ สมาคมสวัสดิการกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี จังหวัดเพชรบุรี สมาคมสตรีนักธุรกิจและวิชาชีพแห่งประเทศไทยเชียงใหม่ สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน จังหวัดูเก็ต เป็นต้น เข้าร่วมประชุมตามระเบียบวาระ ๑ – ๗ โดยระเบียบวาระที่ ๖ เป็นเรื่องพิจารณาเห็นชอบระเบียบสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการอำนวยการสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ และในช่วงเวลา ๑๔.๓๐ น. นายกสมาคม หรือผู้แทนสมาคมองค์กรสมาชิกสามัญที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ลงทะเบียนตามระเบียบวาระที่ ๗ จัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการอำนวยการสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๗ ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม ชั้น ๔ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น
ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ กล่าวว่า สภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ ก่อตั้งโดยท่านผู้หญิงละเอียด พิบูลสงคราม เมื่อวันที่ ๒๘ กันยายน ๒๔๙๙ และหม่อมงามจิตต์ บุรฉัตร เป็นประธานสภาสตรีฯสมัยแรก มีวัตถุประสงค์ต้องการให้สตรีในจังหวัดต่างๆได้มีโอกาสสังสรรค์สโมสรแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อพัฒนาตนเองและครอบครัว และได้มอบหมายให้พระยารามราชภักดี ปลัดกระทรวงมหาดไทยในสมัยนั้นจัดตั้ง สโมสรวัฒนธรรมหญิง ขึ้นในทุกจังหวัดทั่วประเทศต่อมาเปลี่ยนเป็น สมาคมส่งเสริมวัฒนธรรมหญิง โดยส่วนใหญ่ภริยาผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นนายกสมาคม เมื่อปี พ.ศ.๒๕๐๔ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงรับเป็นองค์อุปถัมภ์ภิกาสภาสตรีฯ และยังทรงพระราชทานให้วันที่ ๑ สิงหาคม เป็นวันสตรีไทย และพระราชทานดอกกล้วยไม้แคทลียาควีนสิริกิติ์ เป็นดอกไม้สัญญาลักษณ์ของสตรีไทย ทั้งยังพระราชทานหน้าที่สตรีไทยไว้ ๔ ประการ คือ ๑.ทำหน้าที่เป็นแม่บ้านที่ดี ๒. ทำหน้าที่เป็นแม่ของลูกที่ดี ดูแลให้เติบโตเป็นคนดีของแผ่นดิน ๓.ทำหน้าที่รักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมของชาติให้ไปสู่ลูกหลาน ๔. ต้องพัฒนาตนเองให้เป็นคนทันสมัยเท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลง

ดร.วันดี กล่าวว่าผลการดำเนินงาน สมัยที่ ๒๖ ซึ่งเริ่มปฎิบัติงานมา ตั้งแต่วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๑ จนถึงปัจจุบัน มีกว่า ๑,๐๐๐ กิจกรรม สภาสตรีฯ เทิดทูนไว้ซึ่งสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในปี ๒๕๖๕ นับเป็นปีมิ่งมหามงคลของปวงชนชาวไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง จะเจริญพระชนมพรรษาครบ ๙๐ พรรษาในวันที่ ๑๒ สิงหาคม ๒๕๖๕ สภาสตรีฯจัดทำโครงการสืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทยดำรงไว้ในแผ่นดิน เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อรณรงค์มุ่งมั่นพัฒนาศักยภาพของสตรีทุกมิติ สร้างสรรค์สามัคคี ส่งเสริมวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม มุ่งมั่นทำความดี มุ่งมั่นเสริมสร้างบทบาท และสิทธิสตรีให้ได้รับความเสมอภาคระหว่างหญิงชายอย่างเท่าเทียมกัน เสริมสร้างศักยภาพทางด้านอาชีพ รายได้ คุณภาพชีวิต เพื่อให้สตรีไทยได้มีบทบาทเสริมสร้างความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และสังคมแก่ประเทศชาติ ส่งเสริมสนับสนุนความเข้มแข็งและการมีส่วนร่วมขององค์กรสมาชิกสตรีทั่วประเทศ โดยมุ่งเน้นการสร้างความรัก ความสามัคคี เอื้ออาทร ให้ความช่วยเหลือแบ่งปันในสตรี ทุกกลุ่ม ทุกอาชีพและผลักดันให้มีพระราชบัญญัติสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ส่งเสริมการอนุรักษ์ วัฒนธรรม ประเพณีไทยอันดีงาม ควบคู่กับการพัฒนาประเทศ ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุลและยั่งยืน พัฒนาศักยภาพ บทบาทสตรีไทยให้เป็นที่ยอมรับ ก้าวไกลสู่สังคมประชาคมอาเซียน และองค์กรสากล และ เสริมสร้างความมั่นคง สง่างามของอาคารที่ทำงานให้สมศักดิ์ศรี สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ อาทิ
โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ ในแผ่นดิน” สภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย จัดทำ โครงการ “สืบสาน อนุรักษ์ศิลป์ผ้าถิ่นไทย ดำรงไว้ ในแผ่นดิน” โดยคณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ ๙ มิถุนายน ๒๕๖๓ เห็นชอบมาตรการส่งเสริมและสนับสนุนการใช้และสวมใส่ผ้าไทย ตามที่กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน และสภาสมาคมสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำเสนอ โดยเชิญชวนคนไทยให้สวมใส่ผ้าไทยอย่างน้อยสัปดาห์ละ ๒ วัน เพื่ออนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมที่สะท้อนให้เห็นบริบททางสังคมและวัฒนธรรมของแต่ละพื้นที่ ตลอดจนส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก สร้างรายได้กระจายสู่ชุมชนอย่างรวดเร็วและทั่วถึง โดยสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ และองค์กรสมาชิกทั่วประเทศ ร่วมกันเป็นต้นแบบส่งเสริมสวมใส่ผ้าไทยสง่างามในทุกจังหวัด และอีกหลายจังหวัดยังส่งเสริมการทอลายผ้าประจำถิ่นท้องถิ่น และต่อยอดผลิตภัณฑ์มาสู่ตลาดสินค้า OTOP ในระดับประเทศ ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคณะทำงานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ ทุกท่าน ในการมีส่วนร่วมให้คนไทยทั้งประเทศ ร่วมมือร่วมใจกันใส่ผ้าทอไทย ไม่ว่าจะเป็น ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้าพื้นเมือง เพื่อช่วยกันสร้างความเข้มแข็งแก่เศรษฐกิจฐานราก ลดความเหลื่อมล้ำกระจายรายได้ให้แก่ชุมชน รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม และรักษาภูมิปัญญาท้องถิ่น ทั้งนี้ การใส่ผ้าทอไทยทุกผืน ก่อให้เกิดรายได้กระจายไปยังชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มสตรีกว่า ๙๐% รายได้ที่เกิดจากการทอผ้าออกจำหน่ายจะสามารถช่วยสตรียกระดับคุณภาพชีวิต ส่งบุตรหลานให้มีโอกาสเล่าเรียน ดูแลครอบครัวได้เมื่อยามเจ็บป่วย สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง
สนองแนวพระดำริสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ในการสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการผ้าไทย รวมทั้งสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ กรมการพัฒนาชุมชน ได้สนองแนวพระดำริของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ที่ทรงมีพระทัยตั้งมั่น ในการสืบสานรักษาและต่อยอดพระราชปณิธาน สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เพื่อสืบสานอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรม ภูมิปัญญาของคนไทย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณต่อวงการผ้าไทยที่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ได้มีพระดำริพระราชทานแก่วงการผ้าไทยว่า “ผ้าไทยใส่ให้สนุก” เพื่อให้ทุกเพศทุกวัย สามารถสวมใส่ได้ทุกวัน
โครงการ “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลังสตรี สร้างรายได้ให้กลุ่มอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก” สภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ร่วม กับกรมการพัฒนาขุมชน พัฒนาศักยภาพลูกหนี้กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี” ในการอบรมโครงการ “กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี สร้างพลังสตรี สร้างรายได้ให้กลุ่มอาชีพ กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก”ขับเคลื่อนงานกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีในช่วงปลายปี ๒๕๖๒ ที่ผ่านมา ผลการบริหารจัดการหนี้ของทั้ง ๗๖ จังหวัด และกรุงเทพมหานครที่มีร้อยละของการบริหารจัดการหนี้ต่ำกว่าร้อยละ ๑๐ มีจำนวน ๑๐ จังหวัด ซึ่งในช่วงเวลากว่า ๗ เดือน ผลการบริหารจัดการหนี้ของทั้ง จังหวัด และกรุงเทพมหานคร ที่มีร้อยละของการบริหารจัดการหนี้ต่ำกว่าร้อยละ มีจำนวน ๔๖ จังหวัด เพิ่มขึ้นจากปลายปีที่ผ่านมาถึง ๒๖ จังหวัด ทำให้เห็นถึงความตั้งใจ มุ่งมั่น ความรับผิดชอบและตระหนักในความสำคัญของกองทุนพัฒนาบทบาทสตรีที่ให้โอกาสสตรีทั่วประเทศได้ใช้แหล่งทุนนี้นำไปสร้างอาชีพ สร้างรายได้ ยกระดับคุณภาพชีวิตรายครัวเรือน รวมทั้งการส่งเสริมสนับสนุน ให้กลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนฯ ที่กู้ยืมเงินไปประกอบอาชีพ โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพสมาชิกกองทุนฯ ที่ประกอบอาชีพทอผ้า โดยข้อมูลปี ๒๕๖๒ กองทุนพัฒนาบทบาทสตรีมีหนี้เสียถึงร้อยละ ๕๓ และต่อมาในปี ๒๕๖๔ สามารถลดหนี้เสียลงไปมากถึงร้อยละ ๔๐ คงเหลือเพียงร้อยละ ๑๓ ด้วยความมุ่งมั่นของสตรีทั้งประเทศที่ต้องการรักษากองทุนนี้ โดยในเดือนกันยายน ๒๕๖๕ จะลดหนี้เสียทั้งหมดลงเหลือไม่เกินร้อยละ ๕ เพื่อให้กองทุนนี้เป็นกองทุนหลักที่สตรีไทยทุกคนที่ประสงค์จะประกอบอาชีพ ได้มีเงินทุน จึงถือเป็นความสำเร็จอย่างหนึ่งของสตรีไทยในการรักษากองทุนนี้ให้ยั่งยืนไว้ให้กับลูกหลานของเราสืบไป เป็นต้น
ในโอกาสสำคัญนี้ ประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๖ ได้กล่าวขอขอบพระคุณท่านที่ปรึกษา อดีตประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ และคณะกรรมการอำนวยการ คณะกรรมการบริหาร สมัยที่ ๒๖ และท่านนายกองค์กร องค์กรสมาชิกสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ๒๑๕ องค์กร ทั่วประเทศ ที่ให้คำแนะนำแสดงความคิดเห็นและให้ความร่วมมือในทุกกิจกรรมในการทำประโยชน์เพื่อส่วนรวม และการที่ได้มาร่วมประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ ๔๒ อย่างพร้อมเพรียงกันในวันนี้ แสดงให้เห็นถึงพลังอันเข้มแข็งของสตรี ในการร่วมกันขับเคลื่อนส่งเสริมผลักดันพัฒนาศักยภาพของสตรีในทุกมิติ อันจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติโดยรวม โดยนโยบายของสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ คือ การสืบสานพระราชปณิธานของ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์
สำหรับการประชุมใหญ่สามัญ ครั้งที่ ๔๒ ตามระเบียบวาระ ๑ – ๗ โดยระเบียบวาระที่ ๖ เป็นเรื่องพิจารณาเห็นชอบระเบียบสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ว่าด้วยการเลือกตั้งคณะกรรมการอำนวยการสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ และในช่วงเวลา ๑๔.๓๐ น. นายกสมาคม หรือผู้แทนสมาคมองค์กรสมาชิกสามัญที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเลือกตั้ง ลงทะเบียนตามระเบียบวาระที่ ๗ จัดให้มีการเลือกตั้งกรรมการอำนวยการสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๗ ผลปรากฏว่า นางสาวสุกัญญา ประจวบเหมาะผู้สมัครเข้ารับการเลือกตั้ง หมายเลข ๒๘ ได้รับการเลือกตั้ง เป็นประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๗ โดยดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีสมาคมแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (สมัยที่ ๒๖ และ ที่ปรึกษาและอดีตประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ ประกอบด้วยฃ ดร.เรือนแก้ว กุยยกานนท์ แบรนด์ท นางยุวดี นิ่มสมบุญ นางเยาวเรศ ชินวัตร ได้มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีกับ นางสาวสุกัญญา ประจวบเหมาะ เป็นประธานสภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ สมัยที่ ๒๗ และ คณะกรรมการอำนวยการสภาสมาคมสตรีแห่งชาติฯ สมัยที่ ๒๗ ทุกท่าน

ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สภาสมาคมสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์

๑,๐๑๒ สมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนไทยจังหวัดบุรีรัมย์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมงาน “รวมพลังสตรีบุรีรัมย์ยุคใหม่ ร่วมมือ ร่วมใจ นำผ้าไทยประยุกต์ใส่ให้สนุก” ขานรับนโยบายสภาสตรีแห่งชาติฯ

วันที่ ๒๔ มีนาคม ๒๕๖๕ เวลา ๐๙.๐๐ น.นางอรพิน ไกรรณภูมิ นายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนไทยจังหวัดบุรีรัมย์ องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ และประธานชมรมแม่ดีเด่นแห่งชาติจังหวัดบุรีรัมย์ มอบหมายให้นางกนกวรรณ วงศ์ทองศรี รองนายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนไทยจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยคณะกรรมการสมาคม ร่วมเป็นเกียรติ งาน “รวมพลังสตรีบุรีรัมย์ยุคใหม่ ร่วมมือ ร่วมใจ นำผ้าไทยประยุกต์ใส่ให้สนุก” โดยมีนายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประธาน ในพิธี และในการนี้คณะกรรมการสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนไทยจังหวัดบุรีรัมย์ได้ร่วมแสดงแบบผ้า ที่เป็นผ้าอัตลักษณ์ประจำจังหวัดบุรีรัมย์ ตามกิจกรรม“รวมพลังสตรีบุรีรัมย์ยุคใหม่ ร่วมมือ ร่วมใจ นำผ้าไทยประยุกต์ใส่ให้สนุก” อีกด้วย ณ ห้องประชุมโรงแรมเดอ ศิตา ปริ้นเซส อำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์

รายงานข่าว : สมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนไทยจังหวัดบุรีรัมย์
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๑,๐๑๑. สมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสมาคมสตรีศรีอยุธยา องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมพิธีวันคล้ายวันสถาปนากรุงศรีอยุธยา และเทิดพระเกียรติสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) องค์ปฐมบรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา

วันที่ ๓ เมษายน ๒๕๖๕ ณ.อนุสาวรีย์ สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) นางพรทิพย์ ตั้งกีรติ นายกสมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และนางมุกดา ธิษณ์ธนากร นายกสมาคมสตรีศรีอยุธยา สององค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ นำคณะกรรมการและสมาชิกสมาคมฯ พร้อมด้วยเครือข่ายองค์กรสตรี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมพิธีวันคล้ายวันสถาปนากรุงศรีอยุธยา และร่วมวางพุ่มดอกไม้สดถวายราชสักการะแด่สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 โดยมีนายวีระชัย นาคมาศ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธี และ เหล่าข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้าและประชาชน เข้าร่วมพิธี เทิดพระเกียรติและพระวีรกรรมของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (พระเจ้าอู่ทอง) องค์ปฐมบรมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา และเป็นการระลึกถึงอดีต ๖๗๒ ปี แห่งความรุ่งเรืองของกรุงศรีอยุธยา


รายงานข่าว : สมาคมกองทุนสวัสดิการเพื่อสตรีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสมาคมสตรีศรีอยุธยา
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ


๑,๐๑๐. สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติ และสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชนจังหวัดชุมพร องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ เข้าร่วมพิธี พิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

วันที่ ๑ เมษายน ๒๕๖๕ ที่วัดหูรอ หมู่ที่ ๓ ตำบลนาชะอัง อำเภอเมืองชุมพร นางยุพา สุภอมรพันธุ์ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติฯ จังหวัดชุมพร และนายกสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชน จังหวัดชุมพร องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ในพิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี ๒๕๖๕ โดยมี นายกองเอก พุทธ กฤชคงพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานในพิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี ๒๕๖๕ และมอบทุนอุปการะเด็กกองทุนพัฒนาเด็กชนบทจังหวัดชุมพร จำนวน ๔๕ ทุน โดยมี นางปวีณ์ริศา เกิดสม นายกเหล่ากาชาดจังหวัดชุมพร นางสาวประดับ ชูดำ พัฒนาการจังหวัดชุมพร พร้อมด้วย หัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้ปกครองและนักเรียน เข้าร่วมพิธี ภายใต้มาตรการป้องกันโรคโควิด ๑๙ อย่างเคร่งครัด

สำหรับ กองทุนพัฒนาเด็กชนบทฯ ได้จัดตั้งขึ้น โดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๒๒ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือเด็กก่อนวัยเรียน อายุตั้งแต่แรกเกิดถึง ๖ ปี ที่ครอบครัวมีฐานะยากจนและด้อยโอกาสในชนบท ตลอดจนสนับสนุนกิจกรรมการพัฒนาเด็ก เพื่อให้เด็กในชนบทได้รับการพัฒนาอย่างทั่วถึง จากนั้นในปี ๒๕๓๖ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณารับกองทุนพัฒนาเด็กชนบทไว้ในพระราชูปถัมภ์ฯ โดยพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อว่า "กองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี"

ต่อมาในปี ๒๕๓๖ ได้มีการจัดตั้ง "กองทุนพัฒนาเด็กชนบทจังหวัด" ในทุกจังหวัด และให้มีการจัดกิจกรรมหารายได้โดยการทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ฯ ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคพร้อมกันทั่วประเทศ ในวันที่ ๑ เมษายน ของทุกปี จังหวัดชุมพร โดยสำนักงานพัฒนาชุมชนจังหวัดชุมพร จึงได้จัดกิจกรรมทอดผ้าป่าเพื่อหารายได้สมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ฯ เพื่อนำไปช่วยเหลือและสนับสนุนกิจกรรมในการพัฒนาเด็กที่ครอบครัวยากจนและด้อยโอกาสในชนบท และเป็นการส่งเสริมให้ผู้นำชุมชน กลุ่มองค์กร ทั้งภาครัฐ เอกชน และประชาชนทั่วไป ได้มีส่วนร่วมในการจัดหารายได้ โดยได้รับเงินบริจาคในการทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ครั้งนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๒๘๐,๐๕๘ บาท ที่จะนำไปสมทบกองทุนในการช่วยเหลือและพัฒนาเด็กชนบท อันเป็นพื้นฐานสำคัญและเป็นอนาคตของชาติต่อไป

รายงานข่าว :สมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาติฯ จังหวัดชุมพร และสมาคมผู้นำสตรีพัฒนาชุมชน จังหวัดชุมพร
รายงานข่าว : / ฝ่ายประชาสัมพันธ์ คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๑,๐๐๙. สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน จังหวัดภูเก็ต องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติฯ ร่วมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี

วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๖๕ นางพรทิพย์ โล่แก้ว นายกสมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน องค์กรสมาชิกสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ มอบหมายให้นางสุจิตรา อารีรอบ อุปนายกสมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน จังหวัดภูเก็ต นำทีมคณะกรรมการและสมาชิกสมาคมฯ เข้าร่วมรับบริจาคโลหิต และบริจาคโลหิต ถวายเป็นพระราชกุศล เนื่องในโอกาส วันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเจริญพระชนมายุ ๖๗ พรรษา ๒ เมษายน ๒๕๖๕ เพื่อแสดงออกถึงความจงรักภักดีด้วยความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยมีประชาชนทุกสาชาอาชีพและส่วนราชการที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ ร่วมบริจาคโลหิตถวายเป็นพระราชกุศลเป็นจำนวนมาก ณ สำนักงานเหล่ากาชาด สภากาชาดไทย อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต


รายงานข่าว : สมาคมสตรีอาสาสมัครรักษาดินแดน
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ

๑,๐๐๘. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ เข้าร่วมพิธี กระทรวงมหาดไทย จัดพิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒ เมษายน ๒๕๖๕

วันนี้ (๑ เมษายน ๒๕๖๕ ) ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ และพลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานฝ่ายฆราวาส ในพิธีทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒ เมษายน ๒๕๖๕ โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติ ในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย อธิบดี หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หัวหน้าคณะทำงานการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก และประชารัฐภาคเอกชน นางสิริกร ชิวปรีชา ประธานกรรมการบริษัทเทพไทย โปรดัคท์ จำกัด ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และประชาชน ร่วมพิธี

โอกาสนี้ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นำผู้เข้าร่วมพิธีวางพุ่มดอกไม้ และจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปิดกรวยกระทงดอกไม้ธูปเทียนแพถวายราชสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์พร้อมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ ๒ เมษายน ๒๕๖๕

จากนั้น พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ภายในพระอุโบสถ เจ้าหน้าที่อาราธนาศีล พระสงฆ์ให้ศีล เสร็จแล้ว พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวคำถวายผ้าป่าและถวายผ้าป่า สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช พิจารณาผ้าป่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วยผู้บริหารระดับสูงถวายเครื่องไทยธรรม กรวดน้ำ รับพร เป็นอันเสร็จพิธี

การนี้ สมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวสัมโมทนียกถา ความโดยสรุปว่า “วันนี้เป็นวันมหากุศลของประเทศไทยวันหนึ่งที่ทุกคนได้มาร่วมกันในการทอดผ้าป่าเพื่อเป็นทุนในการพัฒนาเด็กชนบท นับเป็นจิตศรัทธาที่เป็นจิตมหากุศล มีวัตถุประสงค์อันงดงามเพื่อการพัฒนาบุคคลและพัฒนาตนให้มีความรู้ มีความเสียสละ มีความหวังดีแก่เพื่อนพี่น้องร่วมประเทศชาติของเรา โดยเฉพาะเด็กในชนบท ซึ่งกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ได้ดำเนินการช่วยเหลือตามผ่านกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งนับว่าเป็นความคิดที่ดีที่ไม่ทิ้งเยาวชนอันเป็นทรัพยากรที่มีค่าของชาติให้ได้รับโอกาส และจะเป็นการช่วยให้เยาวชนได้มีกำลังในการที่จะศึกษาหาความรู้ ในการเล่าเรียนประกอบสัมมาชีพ เติบโตเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติ เป็นคนดีของสังคมไทย และประการสุดท้าย ยังเป็นการพัฒนาใจ ให้จิตใจบริสุทธิ์ สะอาด มั่นคงอยู่ในศีลธรรมที่ดีงาม และเป็นแบบอย่างให้กับเยาวชน ซึ่งต้องช่วยกันปลูกฝังคุณธรรมอันดีงามให้แก่เยาวชนด้วย เพื่อเยาวชนเป็นคนดีและคนพึงประสงค์ของประเทศชาติ พัฒนาเขาเหล่านั้นให้มีความพร้อมด้วยคุณธรรมจริยธรรม เมื่อทุกคนเป็นตัวอย่างที่ดีที่งาม เยาวชนก็จะยึดถือเป็นตัวอย่าง คนดีก็จะเกิดขึ้นในสังคมมากยิ่งขึ้น มากยิ่งขึ้น และจะทำให้คนไม่ดีนั้นไม่มีที่ยืนในประเทศไทย ประเทศไทยเราก็จะอุดมไปด้วยคนดี”

ในการนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทย ได้น้อมนำพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่าการพัฒนาเด็กนั้น เด็กต้องได้รับการพัฒนาในทุกด้าน ทั้งด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา อารมณ์ และสังคม พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิต ส่งเสริมการเรียนรู้ให้ลูกหลานหมั่นศึกษาเรียนรู้ทุกสิ่งรอบตัว สามารถเสริมสร้างพัฒนาศักยภาพของเด็ก ผู้เป็นอนาคตของชาติได้เป็นอย่างดี โดยในวันนี้ กองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้จัดกิจกรรมทอดผ้าป่าเพื่อหารายได้สมทบกองทุนฯ ทั้งในส่วนกลาง ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร แห่งนี้ และในส่วนภูมิภาคทั้ง ๗๖จังหวัด มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหารายได้สมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และนำไปช่วยเหลือสนับสนุนกิจกรรมในการพัฒนาเด็กที่ครอบครัวมีฐานะยากจนและด้อยโอกาสในชนบท ส่งเสริมให้ภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ เอกชน และประชาชนทั่วไป ร่วมพัฒนาเด็กชนบท อันเป็นส่วนที่สำคัญในการพัฒนาชุมชน พัฒนาประเทศชาติ อย่างยั่งยืนต่อไป ทั้งนี้ หากพี่น้องประชาชนมีความประสงค์จะร่วมสมทบทุนกองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็ปไซต์กรมการพัฒนาชุมชน www.cdd.go.th หรือโอนเงินเข้าบัญชีกองทุนพัฒนาเด็กชนบท ธนาคารกรุงไทย สาขาศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ บัญชีเลขที่ 955-0-02856-9 โดยสามารถนำใบเสร็จไปลดหย่อนภาษีได้ ได้ตลอดทั้งปี เพื่อร่วมกันแบ่งปันสร้างลูกหลานไทยที่ด้อยโอกาสให้มีอนาคตที่ดีร่วมกัน

นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน กล่าวว่า กองทุนพัฒนาเด็กชนบท ได้จัดตั้งขึ้นโดยกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๒ มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยเหลือและสนับสนุนการพัฒนาเด็กก่อนวัยเรียนที่ครอบครัวยากจนและด้อยโอกาส ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีพระมหากรุณารับกองทุนพัฒนาเด็กชนบทไว้ในพระราชูปถัมภ์ โดยพระราชทานพระราชานุญาตให้ใช้ชื่อว่า “กองทุนพัฒนาเด็กชนบทในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี” กระทรวงมหาดไทย โดยกรมการพัฒนาชุมชน ได้จัดกิจกรรมทอดผ้าป่าสมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบท พร้อมกันทั่วประเทศ เพื่อจัดหารายได้สมทบกองทุนพัฒนาเด็กชนบท และนำไปช่วยเหลือเด็กก่อนวัยเรียนที่ครอบครัวยากจนและด้อยโอกาสในชนบท โดยได้มอบทุนช่วยเหลือเด็กมาแล้ว ๑๑๑,๙๖๐ คน คิดเป็นเงิน ๑๓๗,๕๗๙,๕๐๐ บาท โดยการทอดผ้าป่าสมทบกองทุนฯ ครั้งนี้มีผู้มีจิตศรัทธาทั้งหลายร่วมบริจาคเงินสมทบกองทุนส่วนกลาง ๓,๖๓๑,๗๒๙ บาท

ขอบคุณที่มา : กองสารนิเทศ กระทรวงมหาดไทย
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ




๑,๐๐๗. ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯ เข้าร่วม กระทรวงมหาดไทย จัดพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๒ เมษายน ๒๕๖๕

วันนี้ (๒เมษายน ๒๕๖๕) เวลา ๐๗.๐๐ น. ที่วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม ราชวรวิหาร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ดร. วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย เป็นประธานในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศลและถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๒ เมษายน ๒๕๖๕ โดยมี นายชยาวุธ จันทร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านกิจการความมั่นคงภายใน นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านพัฒนาชุมชนและส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ด้านบริหาร นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร รองปลัดกระทรวงมหาดไทย หัวหน้ากลุ่มภารกิจด้านสาธารณภัยและพัฒนาเมือง นายธนาคม จงจิระ อธิบดีกรมการปกครอง นายประยูร รัตนเสนีย์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง นายสมคิด จันทมฤก อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน ผู้แทนส่วนราชการระดับกรม หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงมหาดไทย นางกุลทรัพย์ ชื่นโกสุม นางจิณณารัชช์ สัมพันธรัตน์ นางกุสุมาล พงษ์สิทธิถาวร ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ศศิธร จันทมฤก นางจิรวรรณ เพ็ญพาส อุปนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ คณะกรรมการสมาคมแม่บ้านมหาดไทย คณะกรรมการสภาสตรีแห่งชาติในพระบรมราชินูปถัมภ์ และพี่น้องประชาชน ร่วมพิธี

โอกาสนี้ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ถวายราชสักการะ และถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานสภาสตรีแห่งชาติฯนายกสมาคมแม่บ้านมหาดไทย ถวายแจกันดอกไม้เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และกล่าวถวายพระพรชัยมงคล ความว่า "ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ใต้ฝ่าละอองพระบาทได้ทรงอุทิศพระองค์ ปฏิบัติพระราชกรณียกิจนานัปการ ด้วยพระวิริยะอุตสาหะ เพื่ออำนวยประโยชน์สุข แก่อาณาประชาราษฎร์ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ อย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพระราชทานความช่วยเหลือ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่เด็กและผู้ยากไร้ในชนบท ให้สามารถพึ่งตนเองได้อย่างมั่นคง การส่งเสริมการศึกษา และสุขภาพอนามัยแก่เด็กนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร ด้วยพระราชหฤทัยที่เปี่ยมด้วยพระเมตตา นอกจากนี้ ใต้ฝ่าละอองพระบาท ยังทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา สนับสนุนโครงการอนุรักษ์และสืบสานมรดกทางศิลปวัฒนธรรมไทย ด้านนาฏศิลป์ ดนตรีไทย อักษรศาสตร์ รวมถึงพระราชนิพนธ์บทกวี ร้อยแก้ว ร้อยกรอง และพระราชนิพนธ์บทร้องทั้งบทเพลงไทยเดิมและเพลงไทยสากล เพื่อให้เยาวชนรุ่นใหม่ได้เรียนรู้และตระหนักถึงความสำคัญในศิลปวัฒนธรรมของชาติ รวมทั้ง ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจอันเป็นการสนองพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินี ในการที่จะสืบสาน รักษา และต่อยอดพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อาทิ มูลนิธิชัยพัฒนา มูลนิธิสายใจไทย มูลนิธิรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหิดล โรงเรียนจิตรลดา และสภากาชาดไทย รวมทั้งทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับ "โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี" เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรพันธุกรรมพืชของประเทศ "โครงการบ้านนี้มีรัก ปลูกผักกินเอง" เพื่อสร้างความมั่นคงด้านอาหารให้แก่ประชาชน โดยเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อผักมาบริโภค และการมีผักที่ดีมีคุณภาพรับประทานตลอดทั้งปีในระดับครัวเรือน สำหรับผักที่เหลือก็แบ่งปันให้เพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นการสร้างความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ระหว่างกัน นอกจากนี้ ในสถานการณ์โรคร้ายโควิด ๑๙ ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๖๒ เป็นต้นมา ใต้ฝ่าละอองพระบาท ทรงตระหนักถึงสถานการณ์โรคร้ายอย่างถ่องแท้ รวมถึงภาระอันหนักหน่วงของบุคลากรทางการแพทย์แถวหน้าจึงได้พระราชทานความช่วยเหลือผ่านมูลนิธิชัยพัฒนาในโครงการกองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด ๑๙ (และโรคระบาดต่าง ๆ) หลายวาระ เช่น ห้องระบบแลกเปลี่ยนความดันลบแบบสมบูรณ์ (True Negative Pressure) จำนวน ๓๑ แห่ง ให้แก่โรงพยาบาล อีกทั้งพระราชทานเครื่องมือทางการแพทย์ที่มีความจำเป็นเร่งด่วนให้แก่โรงพยาบาลต่าง ๆ อย่างทั่วถึง ทรงมีพระราชกระแสให้ผู้ว่าราชการจังหวัดช่วยหาทางให้ทุกคนได้รับการฉีดวัคซีนให้ครบโดยเร็ว นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ และในด้านการศึกษา ทรงสืบสานและพัฒนาต่อยอดในการสนับสนุนการศึกษาของเด็กและเยาวชนที่ขาดโอกาสในการศึกษา ทรงเสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วทุกภูมิภาค เป็นระยะเวลาต่อเนื่องและยาวนาน ซึ่งเป็นโครงการที่อยู่ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีและต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ทรงดำรงพระองค์เปรียบประดุจทูตสันถวไมตรีกิตติมศักดิ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยกับนานาประเทศ โดยเฉพาะประเทศ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ราชอาณาจักรกัมพูชา และประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นอาทิ"

ขอบคุณที่มา : กองสารนิเทศ กระทรวงมหาดไทย
เรียบเรียงข่าว : ฝ่ายประชาสัมพันธ์คณะกรรมการบริหารสภาสตรีแห่งชาติฯ